24 ตุลาคม 2554

ชีวิตของ sdf

sdf rue d'alésia paris by charles pascarel on flickr.com
ขอบคุณภาพประกอบจากแฟ้มภาพกูเกิล

ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยเราที่มีคนไร้บ้าน  ที่ฝรั่งเศสก็มีเหมือนกัน   มีเยอะซะด้วย ที่นี่เค้าเรียกคนกลุ่มนี้ว่า  sdf กลางคืนจะนอนตามใต้สะพาน  ในป่า ในสนามบิน หน้าสถานนีรถไฟ  ตรงป้ายรถ  บนทางเท้า บนฝาท่อ และตามที่ต่างๆที่เค้าไปนอนแล้วไม่ค่อยมีคนมาไล่

เราขอยกตัวอย่างที่สนามบิน cdg ละกัน นักท่องเที่ยวและผู้โดยสารทั่วไปจะมองไม่ออกถ้าเจอ sdf ที่สนามบิน  เพราะพวกเค้าจะแต่งตัวดีมาก  และมีกระเป๋าเดินทางเหมือนกับผู้โดยสารทั่วไป  มีทั้งคนฝรั่งเศส  คนเอเซีย  และคนอังกฤษ อเมริกา  แขก  และแอฟริกา  ทั้งหนุ่มสาว คนสูงอายุ  อย่าถามนะว่าเรารู้ได้ไร  ถ้าไม่รู้ไม่กล้าเขียน  และรู้ดีซะด้วย  

sdf1.1227733389.jpg
ขอบคุณภาพประกอบจากแฟ้มภาพกูเกิล

เราเข้าไปคุยกับพวกเค้าบ่อยมาก  ให้ความช่วยเหลือไปก็เยอะ  เวลาบอกอะไรพวกเค้าบางคนจะฟังและทำตาม  แต่บางคนนอกจากไม่ฟังแล้วยังหาเรื่องเรากลับมาด้วย  ขอบอกว่าถ้าคุณมีเรื่องกับ sdf ไม่ต้องเสียเวลาไปแจ้งความ เพราะตำรวจทำอะไรไม่ได้  

พอแจ้งความตำรวจก็มาเอาตัวเค้าออกไปให้พ้นตัวอาคารผู้โดยสาร  แล้วตำรวจก็ไป  พอตำรวจไปเค้าก็เดินไปเข้าอีกด้านหนึ่ง แล้วกลับมาหาเรื่องใหม่  ถ้าคุณไม่อยากมีเรื่องกับคนพวกนี้มีวิธีเดียวคือเงียบและเดินต่อไป  ห้ามมอง และอย่าไปพูดกับพวกเค้าเพราะเค้าจะตามคุณไม่เลิก

มูลนิธิเข้ามาให้ความช่วยเหลือบ่อยมาก  แต่พวกเค้าไม่รับความช่วยเหลือง่ายๆ  ถ้าไม่เชื่อใจกันจริงๆ  เค้าเคยบอกเราว่าเค้าช่วยตัวเองได้  อยู่แบบนี้มีอิสรภาพดีกว่าไปอยู่ที่มูลนิธิ  มี sdf อยู่คนหนึ่งอายุมากแล้ว  เราเข้าไปนั่งคุยด้วย  ต้องไปตอนเค้าไม่เมา  เพราะตอนเวลาแกเมา แกด่าไม่เลือกหน้า ตำรวจ แอร์ เจ้าหน้าที่มูลนิธิ หรือแม้แต่ ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปมายังโดนหมด  หมายังโดนเลย

ช่วงแรกๆเค้าไม่ยอมคุยกับเรา  แต่ไม่ด่า  ยืนมองหน้าแล้วเดินหนี  เค้าคงรำคาญเราอ่ะ  เราก็หน้าด้าน  เค้ายิ่งหนีเรายิ่งเข้าไป  เราเข้าไปทีไรจะมีของกินติดไปทุกครั้ง  ให้เค้ารู้ไงว่ามาดี  วันไหนหาของกินไม่ทันก็แวะซื้อน้ำแถวนั้นแหละ พอเห็นเราบ่อยๆ  เค้าเริ่มรับความช่วยเหลือจากเรา  เริ่มไว้ใจ  และก็เริ่มพูดคุยด้วยมากขึ้น  

เค้าเล่าว่าตัวเค้ามีครอบครัว  เคยมีงานทำตำแหน่งใหญ่โต มีบ้าน มีเงินใช้มากมาย พูดเสร็จก็เอาหนังสือเดินทางออกมาโชว์  เราหยิบมาดูก็จริงอย่างเค้าพูด  หนังสือเดินทางสภาพเก่ามากเพราะรักษาไม่ดี  มีการเดินทางเข้าออกไปหลายประเทศมากมาย  แล้วเค้าก็เอารูปลูกมาให้ดู  เห็นหน้าไม่ชัดเพราะสภาพรูปยับเหมือนโดนขยำ  

เค้าเล่าต่อ ว่าแต่มีก็เหมือนไม่มี  มีครอบครัวก็เหมือนไม่ใช่ครอบครัว  เวลามีเงินเพื่อนฝูงมากมาย ไปไหนใครก็รู้จักหมด  ลูกน้องเดินตามคอยเปิดปิดประตูให้  แต่เวลามีปัญหาขึ้นมา  เค้าถึงรู้ว่าที่จริงเค้าไม่มีใครเลย  ไม่มีแม้แต่ลูกเมีย แล้วเค้าก็เงียบไป นานมากๆ เราคิดว่าเค้าคงไม่อยากคุยแล้ว


พอเราจะเดินออกมา เค้าก็บอกว่าเดี๋ยว  มาชวนคุยแล้วจะมาหนีเดี๋ยวด่าซะเลย  อย่าเพิ่งไป นานๆจะมีคนมาให้เค้าระบายความเครียดสักที  พูดเสร็จก็หัวเราะ  เค้าเล่าต่อว่าพอไม่กลับบ้าน เค้าก็แร่ร่อนไปเรื่อยๆ  มีถังขยะเป็นครัว  เมื่อก่อนนอนตามตู้รถไฟที่เค้าจอดพักรถที่สถานีใหญ่  ต่อมานอนไม่ได้เพราะเจ้าหน้าที่ปิดประตูรถหมด เค้าเริ่มเปลี่ยนมาเป็นสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน  แต่ก็อยู่ได้เฉพาะตอนที่เปิดทำการ  กลางคืนนอนไม่ได้มีเจ้าหน้าที่คอยไล่


จากสถานีก็เริ่มแร่ร่อนไปนอนในป่า  ก็อยู่ไม่ได้นานอีก ตำรวจคอยกวน มาได้สนามบินนี่แหละสบายเค้าเลยยึดที่นี่เป็นบ้าน  เราถามว่าแล้วแผลไปโดนอะไรมา  ตอนนั้นเค้ามีแผลบนหน้าผาก  เค้าบอกเราว่าเรื่องปกติ แย่งของกิน แย่งที่นอนกันกับเจ้าถิ่นที่เค้ามาอยู่ก่อน  

พอพูดถึงตรงนี้เค้าโชว์แผลเป็นที่แขนที่ขาให้เราดู โอ้โห...แม่เจ้า  เยอะมากมาย  บางแผลยังสดๆอยู่เลย  บางที่แผลเริ่มเน่า เห็นแล้วพูดไม่ออก   แต่เค้าเห็นเราทำหน้าเสีย  เค้ากลับหัวเราะชอบใจใหญ่  บอกกับเราว่าเค้าเป็นคนเจ็บยังไม่บ่นเลย  เออ..ก็จริง  

เราเลยถามว่าทำไมต้องด่าคนที่เดินผ่านไปมา  เค้าบอกอ่านสายตาคนพวกนี้ออก  บางคนเดินผ่านมามองแล้วว่าเค้าก่อน ว่าเป็นพวกเหลือขอ จรจัด บางคนมากับลูกหลาน  พอเด็กมองเค้าพ่อแม่ก็รีบจับหน้าเด็กหนี  แถมบอกเด็กๆว่าอย่าไปมองพวกคนสกปรก  เค้าเลยด่ามันซะ  เราก้อ งง  ว่านักท่องเที่ยวไม่ได้มีแต่คนฝรั่งเศส  เค้ารู้ได้ไงว่าคนอื่นด่าเค้า  

พอถามเค้าบอกว่าเค้าไม่ได้โง่  น่าน...ไม่น่าถามเลยku  หาเรื่องโดนด่าซะแล้วมั้ยละ  เค้าก็เล่าต่อว่าเค้าพูดได้หลายภาษา  แถมกลัวเราไม่เชื่อ งัดหลักฐานมาให้ดู เป็นบัตรประจำตัวราชการ  แต่หมดอายุไปนานมากแล้ว

คุยกับคนพวกนี้ได้ความรู้อะไรมากมาย  พวกเค้าบางคนเป็นถึงนายช่างใหญ่  บางคนพูดได้หลายภาษา แต่พอเจอปัญหาชีวิตมากๆ  ก็ไปไม่เป็น กลับละทิ้งทุกอย่างเพื่อหนีความจริง  คนเอเซียคนหนึ่งไม่ขอเอ่ยชื่อประเทศนะเดี๋ยวบล็อกโดนสอย เอาเป็นว่าเค้าเป็นคนเอเซียละกัน  เค้าพูดฝรั่งเศสไม่ได้ 

ต้องพูดภาษาอังกฤษ เค้าชอบมาขอให้เราเลี้ยงกาแฟ  เจอหน้าเป็นขอ  พอเราเลี้ยงกาแฟคราวนี้ขอไวน์แดง มีเลือกยี่ห้ออีก ปัดโธ่... ไม่เห็นใจคนจ่ายเงินเล้ยพ่อคุณเอ้ย   พอชวนคุยด้วยแกเดินหนีเฉยเลย  เป็นแบบนี้อยู่หลายปี

พอเค้าเริ่มไว้ใจเรา  คราวนี้เค้าไม่ขอไวน์เหมือนเดิมแล้ว  เค้าเริ่มเอาเงินของเค้าออกมาให้ดู ว่าเค้าก็มีเงินซื้อกินเหมือนกัน  แต่จะเก็บไว้เดินทาง  หลายครั้งที่เค้าพยายามถาม ว่าที่ไหนมีร้านอาหารเอเซียที่รับคนแบบเค้ามั้ย เค้าจะไปของานทำที่นั่น  เค้าไม่อยากถูกส่งกลับประเทศเค้า   

sdf ที่เป็นผู้หญิงก็มีเยอะมาก  มีทั้งที่ติดเหล้าและพวกที่รักสวยรักงาม  คนส่วนใหญ่จะมองคนพวกนี้แบบดูถูก  ไม่มีใครอยากเข้าไปคุยกับพวกเค้า  เพราะเข้าไปทีไรโดนด่ามาทุกที  บางคนเดินผ่านเฉยๆยังโดนเลย  ตำรวจ กับแอร์นี่โดนบ่อย  โดนจนชินว่างั้นเหอะ  

เราถามเค้าว่าเวลาที่สนามบินปิด  นอนตรงไหน เพราะเดียวนี้เค้าจะปิดประตูสนามบินเวลาเครื่องขึ้นลงหมดแล้ว  เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารที่ตกค้าง  แต่ความเป็นจริงมันไม่ได้ช่วยอะไรเลยนะน่ะ  พวกเค้ารู้เวลาอยู่แล้วว่าปิดเปิดตอนไหน  ต้องทำตัวอย่างไรถึงจะไม่เดือดร้อน  หลายคนลงไปชั้นใต้ดิน  ถึงอากาศจะเย็น  แต่ก็ยังดีกว่าไปนอนนอกสนามบิน

เรายังเคยตามลงไปดูที่นอนของพวกเค้าเลย  ข้างถังขยะชั้นใต้ดิน  นอนเรียงกันเป็นแถว  บางกลุ่มนอนตามซอกตึก  อันนี้สำหรับคนที่แสดงตัวออกมาชัดเจนว่าเป็น sdf  เค้าจะรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ  มีหัวหน้ากลุ่ม
ขอบคุณภาพประกอบจากแฟ้มภาพกูเกิล

แต่คนไหนที่ไม่อยากแสดงตัว  และไม่อยากยุ่งกับใคร เค้าจะแต่งตัวดี จะนอนตามอาคารโดยสาร อยู่ปนกับผู้โดยสาร  พวกกลุ่มนี้เค้าจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร  อยู่แบบเงียบๆ ไม่พูดกับใครทั้งนั้น เพราะรู้ดีว่าถ้ามีปัญหาเค้าจะนอนตรงนี้ไม่ได้ เมื่อไม่สร้างปัญหาเจ้าหน้าที่เค้าก็ไม่เข้ามายุ่ง แต่ไม่ใช่ไม่สนใจ เจ้าหน้าที่คนที่ดูแลเรื่องนี้  จะจำหน้า sdf ได้หมดทุกคน  ต่อให้มีหน้าใหม่มาก็เหอะ ใช้เวลาสองสามวันก็ดูออก   จบแค่นี้ดีกว่า เมื่อยแระ  ยิ่งเขียนยิ่งยาว เรื่องเล่ามันเยอะ  เดี๋ยวคนอ่านบ่น  ไปแระ

ไม่มีความคิดเห็น: