19 ตุลาคม 2554

พวกเห็นแก่ตัว

เรื่องเห็นแก่ตัว  กับความเป็นตัวของตัวเองสูงมันเหมือนกันมั้ย  เมื่อสิบปีก่อน เราบินจากฝรั่งเศสกลับไปไทย  โดยสายการบินไทย  พอเดินขึ้นเครื่องพนักงานเค้าก็ยืนรอต้อนรับผู้โดยสารอยู่หน้าประตู  เค้าเช็คตั๋วดูหมายเลขเบาะเพื่อที่จะบอกว่าอยู่แถวไหน  เราก็โอเคเดินไปตามทางที่เค้าบอก

เดินไปก็เงยหน้ามองหมายเลขเบาะไปด้วย  พอเจอก็อึ้งดิ  พระนั่งอยู่  เรามองเลขเบาะตัวเอง  อ่าว...  พนักงานที่เคาเตอร์เช็คอินทำเซอร์ไพรส์ให้เราซะแล้วไง  พระก็มองหน้าเรา  ไอ้เราก็ยืนมองตั๋ว  หันหน้าไปหาพนักงานก็ไม่รู้อยู่ตรงไหนกันหมด  

จะมายืนขวางทางเค้าตรงทางเดินก็ไม่ได้  คนกำลังเข้า  ฝรั่งคนที่ยืนรอให้เรานั่งเพื่อเปิดทางเดิน เค้าก็เริ่มบ่น  เอาไงดี ku  เลยนั่งมันเบาะริมไปก่อน ไม่มีทางเลือกเพราะแถวนั้นเค้านั่งกันหมดแล้ว  แถวที่เรานั่งมีสามเบาะ  พระนั่งอยู่ริมหน้าต่าง  ตามตั๋วเราต้องนั่งกลาง

ใจก็ไม่เป็นสุขอ่ะทีนี้  มองหาพนักงานลูกเดียว  หลวงพี่ท่านคงเห็นสีหน้าเราอ่ะ  ท่านก็นิ่งมาก  ยังไม่ทันถึงนาที ฝรั่งตัวใหญ่คนหนึ่งมาหยุดตรงเราบอกคุณนั่งที่ผม  เราก็เลยขอร้องเค้าบอกขอโทษ  เราเป็นคนไทย  เป็นผู้หญิงเรานั่งติดพระไม่ได้  ขอให้คุณนั่งเบาะกลางก่อนได้มั้ย  พอเครื่องขึ้นเราจะให้พนักงานเช็คที่นั่งว่าง และเราจะไปนั่งที่อื่นเอง  คุณก็จะได้กลับมานั่งที่เดิมของคุณ


เท่านั้นแหละเป็นเรื่อง  ฝรั่งคนนั้นโวยเลย  เค้าบอกไม่ได้ผมจองตั๋วไว้ตรงริมทางเดิน  ผมก็ต้องได้นั่งตรงริมทางเดิน  คุณมีสิทธิ์อะไรมานั่งที่ผม  พูดเสร็จหมอนั่นไล่เราเลย  คนที่เค้ายืนรอเพื่อที่จะเดินไปนั่งที่เค้าก็เดินไปไม่ได้ เพราะติดที่ตัวหมอนั่นมันใหญ่  

เค้าก็เริ่มส่งเสียงบ่น แถมมองเราแบบไม่พอใจอย่างแรง เราเรียกแอร์เลยคราวนี้  เรียกดังด้วย  พอแอร์มาถึงไม่รู้เป็นกรรมอะไร  น้องแอร์คนสวยพูดภาษาฝรั่งเศสไม่ได้มาก เถียงไม่ทันฝรั่ง  ฝรั่งคนนั้นมันก็รำคาญ  

คราวนี้มันดึงแขนเราให้ลุกเพราะมันจะนั่ง  เราหันไปหาหลวงพี่  ท่านก็ดึงที่วางแขนลงมากั้นไว้ ท่านนิ่งมาก   แอร์เค้าก็ยังคงพูดดีๆกับฝรั่งต่อ  แต่หมอนั่นไม่สนใจอะไรแล้วพอเราจะออกจากที่นั่ง ตั้งใจจะไปยืนรอท้ายเครื่องก็ได้วะ  ที่นี้ลุกแล้วออกไม่ได้ดี๊ มันดันแขนเราเลย  ถ้าเราไม่นั่งเบาะกลางเราต้องล้มไปใส่พระแน่  เราเลยนั่งเบาะกลาง  จะยืนสูงกว่าพระไม่ได้ กลัวบาป  เรานังแบบไม่เต็มเบาะและหันหลังให้พระ  หันหน้ามาด่ามัน    

เพื่อนๆหมอนั่นที่เค้านั่งอยู่แถวหลังจากแถวที่เรานั่ง ยืนขึ้นแล้วบอกให้หมอนั่นไปนั่งที่เค้าแทน  แล้วเค้าจะไปนั่งเบาะกลางเราจะได้นั่งริมได้ ผิดคลาดวุ้ย  ฝรั่งคนนั้นมันหันไปบอกเพื่อนมันว่า  ฉันจองที่ตรงนี้ ฉันจะนั่งตรงนี้ไม่ใช่ที่อื่น  

และยังสั่งเพื่อนๆมันว่าห้ามเปลี่ยนที่นั่งเด็ดขาด  น้องแอร์หน้าเสียแต่ก็ยิ้ม  แถวนั้นมีคนไทยนั่งดูกันตาแป๋ว  เสียงมันดังจนหัวหน้าพนักงานเดินมา  เค้าก็เลยบอกกับฝรั่งว่าคุณไปนั่งที่ตรงกลางก่อน  พอเครื่องขึ้นเดี๋ยวจะหาที่ว่างให้น้องเบาะกลาง  ตอนนี้ยังเปลี่ยนที่ให้ไม่ได้เพราะผู้โดยสารยังขึ้นไม่ครบ  แระคุณว่ามันจะฟังแอร์มั้ย  

มันไม่ฟัง  หลอกคุณเอ้ย  ยิ่งมาพูดภาษาอังกฤษใส่แบบนี้ด้วย  คนฝรั่งเศสส่วนใหญ่เค้าไม่พูดภาษาอังกฤษกัน  เราเลยพูดแปลให้มันฟัง  มันมองเราแล้วด่าเรา  ด่าว่าอะไรอย่าให้เขียนเลย เดี๋ยวบล็อกจะถูกปิด  เหอ เหอ

น้องแอร์หันไปถามหัวหน้าพนักงานต้อนรับเป็นภาษาไทย ว่าเค้าจะไปขอร้องผู้โดยสารคนไทยที่เป็นผู้ชาย เพื่อจะให้มาเปลี่ยนที่กับเราดีมั้ย  เพราะปกติเค้าจะไม่รบกวนผู้โดยสารท่านอื่น  พอเสร็จน้องแอร์ก็กวาดสายตามอง 

บรรดาพี่ไทยที่นั่งฟังตาแป๋วชะเง้อกันคอตั้งพอได้ยินแอร์พูด ก็ก้มหน้า หลบสายตาน้องแอร์กับหม๊ด  เพราะต่างก็เดินทางมากับครอบครัว  ใครเค้าจะอยากเปลี่ยนที่กับเราล่ะ  เราเห็นแอร์หันไปสบตากันเองสองคน  แล้วพอจะเข้าใจความรู้สึกแอร์  

พนักงานต้องรับชายเดินมาสมทบ  น้องแอร์เดินออกไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ  ตอนที่พนักงานชายกำลังสอบถามหัวหน้าพนักงานหญิงว่าเกิดอะไรขึ้น หมอนั่นหันมายิ้มเย้ยเราวุ้ย  เราด่ามันเลย เสร็จหันไปมองหลวงพี่  เห็นท่านนั่งหลับตาทำสมาธิไปตั้งไปเมื่อไรไม่รู้  

ระอายใจตัวเองดี๊ทีนี้  นี่พระท่านไม่ได้มาอะไรกับเรื่องที่พวกเรากำลังทะเลาะกันอยู่เลย  ท่านสงบมาก  เราซะอีกที่กำลังเดือดเหมือนคนถูกไฟครอก  เลยสงบปากสงบคำ เลิกด่ามัน 

แต่ยังไม่ยอมมัน  ด่าไม่ได้ ku ขู่ก็ได้วะ พวกฝรั่งตาขาวจะตาย หันไปพูดกับมันว่าระวังตัวละกัน  ถ้าเรื่องถึงหูกัปตันเมื่อไร ถ้ามันยังเรื่องมาก  เดี๋ยวจะไม่ได้ไปเที่ยวไทย  บนเครื่องกัปตันมีสิทธิ์ตัดสินใจทุกอย่าง  คิดดีๆนะ ว่าจะเปลี่ยนที่นั่งกับฉันแค่ไม่กี่นาที  หรือจะอดเที่ยวไทย 

พนักงานต้อนรับชายเดินออกไปพอดี  แหม๋  ช่างเดินออกไปถูกจังหวะเราเลยพยักหน้าบอกฝรั่งคนนั้น เป็นนัยว่านั่นไง  สงสัยไปตามกัปตัน  ใจก็แอบคิดแระมันจะเชื่อ ku มั้ยวะ เพราะถึงกัปตันจะมาจริงๆ ยังไงเค้าก็ทำไรมันไม่ได้อยู่แล้วเพราะมันไม่ได้ทำอะไรผิด

ที่นั่งก็ตรงกับหมายเลขบัตรโดยสารมันอยู่แล้ว  แต่เราขู่มันแล้วก่อนเพราะพวกนี้ตาขาว  ขี้กลัว ได้ผลวุ้ย มันทำท่าคิด แล้วหันไปหาหัวหน้าพนักงานต้อนรับที่ยังยืนคุมสถานการณ์  

มันบอกคุณต้องรับปากว่าพอเครื่องขึ้นจะต้องได้ที่นั่งริมทางเดิน พนักงานก็โอเค  มันเลยยอมเปลี่ยนที่กับเรา  พอเครื่องเริ่มออกไป มันก็เอาเลย  นั่งบ่นอะไรนักหนาไม่รู้ ยันเครื่องขึ้น

เราเองก็บ่นออกมาเสียงดังว่า  "นี่ถ้า ku รู้ว่าตัวใหญ่แล้วตาขาว ku ขู่มึงไปนานแล้ว  ให้กูมาโง่นั่งด่ามึงอยู่ซะตั้งนาน"  พูดออกมาลอยๆเป็นภาษาไทย ตั้งใจว่ามันจะได้ไม่เข้าใจ แล้วหันหน้าไปทางฝรั่งคนนั้นด้วยนะตอนที่พูด ฝรั่งมัน งง ฟังไม่รู้เรื่องทีนี้  

แต่พระท่านลืมตาขึ้นมามองเราแล้วยิ้มนิดๆ แล้วท่านก็นั่งหลับตาต่อไป เรางี้ทำหน้าไม่ถูกเลย  ตอนพูดมัวแต่คิดว่าฝรั่ง  ยังไงซะมันก็ฟังไม่ออกแน่ แต่ดันลืมนึกถึงพระ  เหอเหอ...อายสุดๆ โชคดีวันนั้นมีเบาะว่างที่หางเครื่องเราเลยย้ายหนีฝรั่งไป  แอร์เดินมาคุยด้วยเราก็เลยขอโทษแอร์ไป  


เค้าก็ขอโทษเราเหมือนกัน ความจริงเรื่องแบบนี้มันไม่เกิดแน่ ถ้าพนักงานเคาเตอร์เช็คอินเค้ามีสติในการทำงาน เพราะพนักงานจะต้องได้รับการอบรมมาก่อนแล้ว เกี่ยวกับวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ ต้องรู้ว่าเที่ยวบินนี้ไปไทย ผู้หญิงกับพระให้นั่งด้วยกันไม่ได้เด็ดขาด

 แต่ก็นะไม่มีใครไม่เคยทำผิดในชีวิต  เราเองก็ไม่มีสติอยู่กับตัว ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ ดันไปทะเลาะกับฝรั่งนั่นซะเสียงดังผู้โดยสารคนอื่นแตกตื่นกันหมด  ถ้าพระรูปนั้นท่านไม่ใช้วิธีนิ่งสงบ  สยบความวุ่นวาย เราก็คงยังไม่ได้สติหรอก คงด่ากับฝรั่งอีกนาน

ไม่มีความคิดเห็น: