23 ตุลาคม 2554

ผีเสื้อยักษ์

ขอบคุณภาพประกอบจากแฟ้มภาพกูเกิล


จะเล่าเรื่องผีเสื้อให้ฟัง  มันคือผีเสื้อยักษ์ หรือเรียกอีกอย่างว่าผีเสื้อหนอนใบกระท้อน  สมัยนี้แทบจะไม่มีให้เห็นกันแล้ว ตอนที่เรายังอยู่ชั้น ป.4 ที่บ้านย่าเราอีกนั่นแหละ  เค้ามีต้นฝรั่งขี้นกอยู่ต้นหนึ่ง  ต้นใหญ่มากขึ้นอยู่กลางบ้าน  เด็กต่างจังหวัดมักจะตื่นกันตั้งแต่ตีสี่ตีห้า ไม่ได้ตื่นมาเองนะ  ป้าเรียกให้มาช่วยหุงข้าว  พอตีห้าครึ่งก็ลงมารอใส่บาตรพระหน้าบ้าน  

ช่วงที่นั่งรอ  เป็นช่วงที่ยุงจะมากัดที่สุด เราก็เดินสำรวจบริเวณบ้าน  หาของกินรองท้องว่างั้นเหอะ  หน้ามะม่วงก็จะไปเดินอยู่แถวต้นมะม่วง  ดูว่ามันสุกยัง  ช่วงไหนลมแรงจะเก็บได้เป็นถังเลย  แต่ส่วนใหญ่จะไปที่ประจำ คือต้นฝรั่งขี้นก  

ลูกมันเล็กๆพอดีคำ  รสหวาน นิ่ม  ลูกไหนเกือบจะสุกเราจะเอากระดาษหนังสือพิมพ์มาห่อ ไม่งั้นไม่ค่อยได้กิน  เพราะคู่แข่งเยอะ ทั้งนก ทั้งค้างคาว  ขนาดเอากระดาษหนังสือพิมพ์ห่อ บางทีมันยังไม่ได้กินซะนี่  หนอนเอาไปกินหน้าตาเฉย
ขอบคุณภาพประกอบจากแฟ้มภาพกูเกิล

ผีเสื้อยักษ์ เราไม่รู้ว่ามันมาจากไหน  แต่มันมาทุกคืน ไล่ยังไม่อยากจะไปเลย เราเคยปีนขึ้นไปบนต้นฝรั่ง  ไปนั่งดูต้นทางให้ย่า   ว่าพระมาหรือยัง  แต่ไม่ค่อยได้ดูพระ มัวดูแต่ผีเสื้อ มันจะมีหนวด ตัวอ้วนเชียว  ปีกใหญ่มาก มีหลายลายสวยๆทั้งนั้น  เวลามันเกาะที่ลูกฝรั่งมันจะกางปีก

เราเคยอ่านเจอว่ามันกินแต่ใบฝรั่งตอนเป็นหนอน  พอเป็นตัวมันจะไม่กินอะไรเลย  ข้อนี้เรากล้าเถียงว่าไม่จริง เพราะเราอยู่บ้านย่าตั้งหลายปี เจอกันทุกวันตอนรอใส่บาตรพระ  เห็นกับตาว่ามันจะดูดน้ำจากลูกฝรั่งที่สุกงอมกิน  ลูกที่นกและค้างคาวมาเจาะเอาไว้ แล้วยังบินดูดเกสรดอกเข็มริมรั่วกินแทบทุกวัน  มันไม่กลัวคน  เรายังเคยจับปีกมันเลย  เอามือลูบเฉยๆ กลัวมันเจ็บ  น่าเสียดายที่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีให้เห็นแล้ว

ในโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน  คุณว่ามั้ย  มีแต่ความตายเท่านั้นที่แน่นอน เกิดมาก็ต้องตายเหมือนกันหมดคนก็ต้องตาย  สัตว์ก็ต้องตาย  ไม่มีใครที่จะไม่ตาย  และจะไปมัวยึดมั่น ถือมั่น  ว่านั่นตัวku ของku บ้านku ตำแหน่งku...เก้าอี้ku....กันอยู่ทำไม ตายไปเอาไปได้มั้ยนั่น


ไม่มีความคิดเห็น: