คุณค่าจากความขม

ขอขอบคุณภาพประกอบจากแฟ้มภาพกูเกิล

น้ำพริกปลาหวานสะเดากับปลาดุกย่าง  แหม๋....เมนูนี้คนเฒ่าคนแก่ เห็นแล้วก็ต่อมน้ำลายแตกจริงมั้ย   รสขมของสะเดาที่ตัดกับความหวานจากน้ำปลาหวาน  อื้อหือ...สุดจะบรรยาย

โบราณว่าไว้คนที่จะเริ่มเข้าสู่ไวแก่ให้ดูจากการกิน  คนนั้นจะกินรสขมมากขึ้น  อันนี้เราเถียงขาดใจ  เพราะเราเองชอบกินสะเดามาตั้งแต่เป็นเด็ก  สมัยอยู่กับย่าที่บ้านมีกฏอยู่ข้อหนึ่ง คือใครอิ่มคนสุดท้ายต้องล้างจาน  เราก็จะรีบกินให้เร็วที่สุดเพื่อหนีการล้างจาน  

ขอขอบคุณภาพประกอบจากแฟ้มภาพกูเกิล

 แต่ถ้าวันไหนมีเมนูสะเดา ปลาดุกย่าง  น้ำปลาหวาน  วันนั้นเราจะนั่งกินข้าวคนแรก และอิ่มคนสุดท้าย  พักหลังๆย่าเริ่มจับทางได้  พอถึงหน้าสะเดาออกช่ออ่อนๆ  ย่าจะมีเมนูสะเดาแทรกมากับกับข้าวอย่างอื่นทุกวัน  เราก็เลยต้องตามล้างจานทุกวันไป  แต่มีความสุขตามแบบเด็กๆเพราะได้กินของชอบ

สะเดามีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก เส้นใย เบต้าแคโรทีน วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี และไนอาซิน ช่วยบำรุงธาตุไฟ สร้างภูมิต้านทานให้ร่างกาย และก็แก้ไข้ 

รสขมของสะเดายังช่วยเรียกน้ำย่อย  และขับน้ำดีให้ตกลงสู่ลำไส้มากขึ้น ทำให้ร่างกายเกิดความอยากอาหาร ช่วยย่อยอาหารช่วยให้อุจจาระละเอียดขับถ่ายคล่อง ที่สำคัญสะเดาเป็นยานอนหลับชั้นดีเลย  วันไหนกินสะเดา วันนั้นอดดูละครหลังข่าวพระหลับก่อนทุกที 

นอกจากจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพแล้วนะ  เจ้สะเดายังมีประโยชน์ต่อธรรมชาติอีกนะจ๊ะ   ปู่เราเค้าจะใช้น้ำสะเดานี่แหละ ไปฉีดแปลงผัก สมุนไพรที่สวน  อีกอย่างคนโบราณเค้าเชื่อว่าสะเดาเป็นไม้มงคล  มลคลอย่างไรไม่รู้  ไปศึกษากันเอาเอง