ขอขอบคุณภาพประกอบจากแฟ้มภาพกูเกิล |
พอทุกคนในบ้านออกไปวัด เราก็จะเดินดูลูกมะระขี้นก ที่ปู่กับย่าปลูกไว้ตามรั้วนี่แหละ จัดการเด็ดมันทั้งลูกอ่อนลูกแก่ ดอกมะระเราก็ไม่เว้นนะ แล้วเอาไปโยนทิ้งในแม่น้ำ ทำลายหลักฐาน อิอิ จะได้ไม่ต้องกินมะระไง เดินเด็ดมันจนหมดทุกที่ และตรวจซ้ำอีกรอบเผื่อมีลูกไหนที่มันแอบอยู่ รู้นะว่าทำผิดแต่มีวันพระคอยคุ้มครองเราอยู่ก็เลยกล้าทำ
แต่มาพักหลังๆปู่เริ่มเดาทางออก เพราะมะระหายไปหมด ปู่ก็เลยทำแปลงมะระขึ้นมาหนึ่งแปลง เอาไม้ไผ่มาทำหลักให้มะระมันพัน แล้วให้เรารับผิดชอบดูแลแปลงมะระ ถ้ามะระมีลูกมากๆ ปู่จะให้เราเลี้ยงแมว ตอนนั้นอยากเลี้ยงแมว เพราะมีคนเอามาลูกแมวมาปล่อยที่วัดสองตัว เห็นแล้วสงสารมัน พอปู่เอาแมวมาเป็นเครื่องมือต่อรอง เราก็ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ ดูแลมะระแบบสุดฝีมือ แทบจะไปนั่งเฝ้านอนเฝ้าเลยหละ รอมันออกดอก ออกผล
พอได้มะระมากๆ ปู่ก็สอนทำยาจากมะระ เอาไว้รักษาทั้งคนทั้งแมว ปู่เอารากมะระมาต้ม ใช้เป็นยาลดไข้ ถ่ายพยาธิ บำรุงธาตุ เป็นยาฝาดสมาน แก้ริดสีดวงทวาร แก้บาดแผลอักเสบ
ขอขอบคุณภาพประกอบจากแฟ้มภาพกูเกิล |
และที่เราเกลียดที่สุดคือผลมะระ ปู่บอกผลมะระนี่แหละที่ช่วยคนรอดตายมาเยอะ นอกจากมันจะไปบำรุงร่างกาย ช่วยขับพยาธิ มันยังแก้ตับและม้ามอักเสบด้วย ปู่เราคั้นน้ำมะระดื่มอาทิตย์ละครั้งเพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือด และเป็นยาระบาย
เมล็ดมะระมันขับพยาธิตัวกลมได้ ตัวตืดก็ได้ ปู่ยังเคยจับแมวเรากรอกยาเลย วันรุ่งขึ้นเห็นพยาธิตัวแบนๆ สั้นๆ แต่พอเอาไม้เขี่ยมันก็ยืดตัวออกมาอย่างยาว มันออกมาจากตูดแมว ยึ๋ย...จำติดตาจนทุกวันนี้
แต่ปู่เราจะไม่ค่อยให้กินเกินอาทิตย์ละครั้งนะ ปู่บอกมะระฤทธิ์ของมันเย็น กินมากเดี๋ยวร่างกายไม่สมดุล ต้องกินผักอื่นด้วย เปลี่ยนกันไป เรื่องราวของมะระก็จบแค่นี้แหละจ้า ทุกวันนี้เรายังเข็ดการกินมะระขี้นกอยู่เลย อิอิ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น